วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เคาน์เตอร์กาแฟ : ต้นทุนกาแฟ


ต้นทุนกาแฟ



     ในการที่จะเปิดร้านกาแฟนั้น มีปัจจัยหลายๆ อย่างที่เห็นว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะลืมคิดไป หรือคิดไม่ถึง แต่วันนี้ผมอยากจะแนะนำในเรื่องของการคิดต้นทุนทั้งหมด เพื่อนๆ จะได้เอาไปคิดคำนวณคร่าวๆ ได้ว่า ควรจะตั้งเป้าอย่างไร ควรจะทำหรือจะถอยมาตั้งหลักเพื่อรอจังหวะและเวลา

     ในการคำนวณต้นทุนนั้น ก่อนอื่นเลยต้องตั้งระยะเวลาคืนทุนไว้ในใจก่อน ตัวอย่างเช่น ตั้งระยะเวลาคืนทุนไว้ที่ 1 ปี หรือ 12 เดือน

     จากนั้นคุณต้องดูเงินลงทุนทั้งหมดว่าใช้เงินลงทุนเท่าไร ซึ่งเงินลงทุนนี้จะรวมทุกสิงทุกอย่างในการที่จะเป็นร้านกาแฟขึ้นมา ผมขอยกตัวอย่างดังนี้ครับ
         - ค่าเช่าร้าน สมมุติว่าเป็นร้านเปล่าๆ ไม่ได้ตกแต่งขนาด 16 ตารางเมตร มีค่าเช่าเดือนละ 10,000 บาท รวมค่าเช่าปีละ 120,000 บาท
         - ค่าตกแต่งร้าน ทาสี ทำเคาเตอร์ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ แอร์ ฯลฯ ลงทุนส่วนนี้ 120,000 บาท
         - ค่าอุปกรณ์เช่น เครื่องทำกาแฟ เครื่องบด ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องปั่น ฯลฯ ลงทุนส่วนนี้ 180,000 บาท
         - ค่าจ้างพนักงาน 2 คน เดือนละ 12,000 บาท รวมปีละ 144,000 บาท
         - ค่าน้ำ-ค่าไฟ เฉลี่ยเดือนละ 5,000 บาท รวมปีละ 60,000 บาท

     จากนั้นเราเอาตัวเลขทั้งหมดมารวมกันคือ ค่าเช่า 120,000 + ค่าตกแต่ง 120,000 + ค่าอุปกรณ์ 180,000 + ค่าพนักงาน 144,000 + ค่าน้ำ-ค่าไฟ 60,000 = 624,000 บาท

     ดังนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราตั้งระยะเวลาคืนทุนใน 1 ปีจะเท่ากับ 624,000 บาท เราก็นำมาหารด้วย 12 เดือน เพื่อที่จะนำไปบวกไว้ในต้นทุนของกาแฟครับ เมื่อหารแล้วจะได้เท่ากับ 52,000 บาท ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขต้นทุนต่อเดือนของเราต่อเดือนนะครับ

     ดังนั้นถ้าเราตั้งเป้าเอาไว้ว่า ควรมียอดขายขั้นต่ำวันละ 80 แก้ว โดยเฉลี่ย เดือนนึงก็ควรจะเป็น 80 แก้ว คูณด้วย 30 วัน เท่ากับ 2,400 แก้ว เราก็เอามาหารต้นทุน 52,000 บาท จะได้เท่ากับ 21.6 บาท ครับ นี้คือตัวเลขของต้นทุนแฝง ที่เราคิดการคืนทุนที่ 1 ปีครับ

     ที่นี้เรามาดูต้นทุนกาแฟ 1 แก้วกัน โดยผมจะคิดที่กาแฟเย็นเป็นหลักนะครับ เพราะ 70% ของยอดขายกาแฟจะเป็นกาแฟเย็นครับ
         - กาแฟ 1 โลจะชงได้ประมาณ 120 ช๊อท ถ้าเอามาทำกาแฟเย็นก็จะได้ 60 แก้ว สมมุติว่ากาแฟโลละ 400 บาท ดังนั้นกาแฟเย็น 1 แก้ว จะมีต้นทุนเท่ากับ 6.6 บาท
         - ค่านมข้นหวาน นมข้นจืด ครีมเทียม (สูตรใครสูตรมันนะครับ) ต้นทุนต่อแก้ว ประมาณให้ที่ 4 บาท
         - ค่าแก้ว + ฝา (ตามต้นทุนแต่ละคนนะครับ) ผมประมาณให้ชุดละ 5 บาท

     ฉะนั้น ต้นทุนกาแฟเย็น 1 แก้ว จะเท่ากับ 6.6+4+5 เท่ากับ 15.6 บาท

     และเมื่อรวมต้นทุนแฝง กับระยะเวลาคืนทุน 1 ปี กาแฟเย็น 1 แก้วจะมีต้นทุนอยู่ที่ 15.6+21.6 เท่ากับ 37.2 บาทครับ

     ถ้ามองแล้วจะเห็นว่าต้นทุนกาแฟของเราจะอยู่ที่ 37.2 บาทนะครับ ดังนั้นถ้าจะตั้งราคา เราควรจะตั้งราคาเท่าไรดี..... ตรงนี้ก็สุดแท้แต่เพื่อนๆ นะครับ

     สมมุติว่าผมตั้งราคาขายแก้วละ 45 บาท ผมก็จะได้กำไร 7.8 บาท

     ผมตั้งเป้าเอาไว้ว่ายอดขายเฉลี่ยออกมาแล้วต้องขายวันละ 80 แก้ว ฉะนั้นผมจะมีกำไรวันละ 624 บาท หรือเฉลี่ยเดือนละไม่น้อยกว่า 18,720 บาทครับ

 


*** บางวันอาจจะขายได้ต่ำกว่าเป้า หรือสูงกว่าเป้าก็เป็นได้ ***



     ในปีแรกที่ผมคิดคำนวณให้ดูนั้น ถือว่าเป็นปีแห่งการลงทุน ในปีนี้คุณจะได้กำไรสุทธิทั้งหมด 226,440 บาท



     เมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 2

     ในปีที่สอง ผมถือว่า ได้หักค่าเสื่อมของเครื่องทำกาแฟและการตกแต่งไปแล้ว ดังนั้น ค่าเครื่องทำกาแฟและค่าตกแต่ จะมีมูลค่าเป็นศูนย์ครับ

     ส่วนต้นทุนที่เหลือที่ยังต้องเอามาคำนวณต่อในปีที่ 2 คือ
         - ค่าน้ำค่าไฟ สำหรับค่าน้ำค่าไฟ ปีนี้ผมผมคิดเพิ่มไปอีก 10% เท่ากับ 66,000 บาท
         - ค่าพนักงาน และค่าพนักงานปีนี้เพิ่มเงินเดือนให้อีกคนละ 1,000 บาท เท่ากับ 14,000 บาท หรือปีละ 168,000 บาท
         - ค่าเช่า ปีที่ 2 ค่าเช่าขึ้นอีก 3,000 บาท เป็นเดือนละ 13,000 บาท หรือปีละ 156,000 บาท

     เอาตัวเลขทั้งหมดมารวมกัน เพื่อหาค่าต้นทุนแฝงสำหรับปีที่ 2 จะได้เท่ากับ 66,000+168,000+156,000 เท่ากับ 390,000 บาท หารด้วย 12 เดือน เท่ากับ 32,500 บาท

     ส่วนยอดขายเราก็ต้องเป้าเฉลี่ยเอาไว้วันละ 80 แก้วเหมือนเดิมครับ 1 เดือนก็ 2,400 แก้ว เอามาหารต้นทุนแฝงที่ 1 เดือน คือ 32,500 บาท ก็จะได้เท่ากับ 13.5 บาท

     จะเห็นว่าปีที่ 2 เราจะมีต้นทุนแฝงลดลงแล้วนะครับ คือแก้วละ 13.5 บาท เมื่อนำมารวมกับต้นทุนของกาแฟ 1 แก้ว 15.6 บาท ก็เท่ากับว่าปีที่สองกาแฟเราต้นทุนทั้งหมดเท่ากับ 13.5+15.6 เท่ากับ 29.1 บาท

     และถ้าเราขายราคาเดิมคือ 45 บาท เราก็จะมีกำไรแก้วละ 15.9 บาท หรือเดือนละ 38,160 บาท หรือเฉลี่ยปีละ 457,920 บาทครับ

     นั่นเป็นปีที่สองของเรานะครับ

     ดังนั้นการคิดคำนวณต้นทุน และต้นทุนแฝง จะเป็นการประเมินความเป็นไปได้ เพื่อที่เราจะได้ตั้งราคาได้เหมาะสม และเราจะได้มองเห็นจุดหมายปลายทางของเราว่าควรจะเดินหน้าต่อไปดีหรือเปล่า โดยเฉพาะคนที่ทำงานประจำ และมีรายได้ที่มั่นคงอยู่แล้วจะได้ตัดสินใจถูกครับ

     แต่ในการเปิดร้านกาแฟนั้น ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ หรือพบกับความล้มเหลวได้ นั้นคือเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งทำเลที่ตั้งนั้นถือว่าสำคัญมาก ยิ่งถ้าได้ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนและหลากหลาย โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลครับ

     ปัจจัยสำคัญอีกอย่างนึงคือเรื่องของคุณภาพ รสชาติที่ถูกปากคนในพื้นที่ ในทำเลที่เราเปิดร้านอยู่ ถ้าเราจับจุดนี้ได้ ก็จะทำให้เรามีลูกค้าประจำแวะเวียนมาอุดหนุนเสมอๆ

     และปัจจัยอีกอย่างนึงคือ ความหลากหลายของสินค้าที่นำมาประกอบ อาทิเช่น เบเกอรี่ ไอศรีม อาหารจานด่วน เครื่องดื่มต่างๆ เช่น ชา น้ำผลไม้ น้ำหวาน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ควรจะมีเสริมไว้บ้าง เพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าของร้านกาแฟเรา ทำให้มีลูกค้าประจำเพิ่มขึ้น


     สำหรับแนวทางที่ให้ไปนั้น อย่างน้อยผมก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ซึ่งไม่ค่อยมีใครเค้าจะบอกกันเท่าไรหรอกครับ ในมุมมองที่ผมเขียน ใจจริงก็ไม่อยากเขียนครับ ฮ่า.... เพราะว่ามีทั้งคนเสียผลประโยชน์ และได้ผลประโยชน์ แต่เมื่อมาวิเคราะห์ดูแล้ว คนที่เสียผลประโยชน์หลักๆ น่าจะเป็นพวกผู้ขายเสียมากกว่า คนได้ประโยชน์จริงๆ น่าจะเป็นเพื่อนๆ ที่เข้ามาเว็บนี้ และอยากจะมีร้านกาแฟกัน จะได้เอาไปคิด เอาไปวิเคราะห์กันครับ

 

จาก roytawan.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น